เถ้าถ่านที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าเติบโตขึ้นจนแข็งแกร่งพอที่จะดูดกลืนสิ่งที่อยู่รอบๆ และแบ่งตัวเองเป็นสองซีกในที่สุด
แล้วจากนั้นมันก็ได้กลายเป็นโลกสองใบ โลกใบหนึ่งซึ่งมีพลังงานที่สว่างกว่าลอยขึ้นด้านบน ส่วนโลกอีกใบหนึ่งที่มีพลังงานดำมืดกว่าลอยต่ำลงด้านล่าง
นักวิชาการในสมัยโบราณตั้งชื่อโลกทั้งสองใบว่า "มิติเบื้องบน" และ "มิติเบื้องล่าง" ตามลำดับ
และในขณะเดียวกันก็เรียกพลังงานที่มอบชีวิตให้ซึ่งพบได้ในมิติทั้งสองว่า "อีเธอร์"
มีการพบรอยแยกมิติระหว่างมิติเบื้องบนและมิติเบื้องล่างหลังจากเวลาผ่านมานาน
ในรอยแยกเหล่านี้มี "มิติกระจก" ที่มีลักษณะเหมือนทั้งมิติเบื้องบนและมิติเบื้องล่างอยู่
และมิติกระจกดังกล่าวก็มีอีเธอร์และสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างในมิติเหล่านั้นด้วย
แต่ก็เป็นโลกที่มีขีดจำกัดซึ่งจะถูกดูดกลืนเข้าไปในมิติใดมิติหนึ่งในสองมิติในที่สุด
สิ่งมีชีวิตจากมิติทั้งสองที่ถูกขับไล่ไปยังมิติกระจกที่ไม่เสถียร
คือมนุษย์ซึ่งสามารถปรับตัวได้อย่างดีและตั้งถิ่นฐานได้สำเร็จ
แต่อย่างไรก็ตาม เหล่านักปราชญ์ที่เป็นมนุษย์พบว่ามิติกระจกจะหายไปในที่สุด
และยอมพลีชีพตัวเองโดยใช้ "คาถาอันยิ่งใหญ่" เพื่อถ่วงเวลาให้โลกของตัวเองสูญสลายช้าลง
หลังจากตั้งถิ่นฐานได้สำเร็จ มนุษย์ก็สร้างอาณาจักรต่างๆ และทำสงครามกันอย่างยาวนาน
โดยมีอาณาจักรอัลท์ไฮม์ที่ผงาดขึ้นเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด
และปกครองดินแดนอย่างสงบสุขมาได้อีก 1,000 ปี
ความสงบสุขนานนับ 1,000 ปีมาถึงจุดจบเนื่องจากสงครามระหว่างอัลท์ไฮม์และตระกูลรอชเฟลท์ที่เริ่มขึ้น
และในตอนที่สงครามซึ่งกินเวลายาวนานราว 100 ปีใกล้สิ้นสุดลง ทั้งสองฝ่ายต่างพ่ายแพ้ต่อปีศาจ (ซึ่งถูกขับไล่มาจากมิติเบื้องล่าง) ซึ่งนำโดยจักรพรรดิชวาร์ตซ์
ชวาร์ตซ์ยึดเอาดินแดนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นอาณาเขตของอัลท์ไฮม์และรอชเฟลท์ไว้ได้และสร้างจักรวรรดิไกสต์ขึ้นมา
และเริ่มปกครองด้วยวิถีทรราชย์เป็นระยะเวลา 500 ปีโดยใช้กองกำลังทหารเป็นรากฐาน
ราวๆ 500 ปีหลังจากนั้น ในหมู่บ้านเล็กๆ แสนซึมเซานามวัลด์เช่น
ผู้หญิงในชุดคลุมสีดำมาที่ร้านเหล้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่านักผจญภัยจำนวนมาก (ผู้เล่น) มารวมตัวกัน
เธอได้รวบรวมกลุ่มนักผจญภัยที่จะแบ่งปันแผนการอันทรงประสิทธิภาพเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดิ
แล้วจึงสร้างกองกำลังต่อต้านของมนุษย์ซึ่งอยู่รอบกาย "อิกนิส" ขึ้นมา